นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
1. บทนำ
บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน โพรบิท แอดไวซอรี่ จำกัด (บริษัท) ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์การเป็นที่ปรึกษาการลงทุนจากกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2562 และได้รับการอนุญาตให้เริ่มประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทการเป็นที่ปรึกษาการลงทุน จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2562 บริษัทจัดตั้งขึ้นโดยกลุ่มชลคดีดำรงกุล ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างสถาบันให้คำปรึกษาการลงทุนหลักทรัพย์ในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้วิจารณญาณที่ประกอบด้วยองค์ความรู้ ประสบการณ์ กลยุทธ์การลงทุน จากบุคลากรมืออาชีพ เพื่อให้บริการการปรึกษาการลงทุนที่รังสรรค์ผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าตลาดบนธุรกิจที่มีศักยภาพ ให้กับพอร์ตการลงทุนของลูกค้า

ด้วยความเคารพในความเป็นส่วนตัวของท่านทั้งหลายที่ให้เกียรติใช้บริการของบริษัท อีกทั้งเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (นโยบาย) ฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทั้งหลาย ทราบถึงเรื่องต่าง ๆ ดังนี้

• บทนำ
• เกี่ยวกับบริษัท
• วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
• ข้อมูลที่เก็บรวบรวม การนำไปใช้ และการถ่ายทอดต่อ
• การอนุญาตให้เข้าผู้อื่นถึงข้อมูล
• การคำนึงถึงสิทธิเจ้าของข้อมูล
• การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบาย

นโยบายฉบับนี้มีขึ้นเพื่อคุ้มครองข้อมูลของท่านที่บริษัทได้รับมาไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม โดยภายใต้นโยบายฉบับนี้ บริษัทมีสิทธิเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลของท่านต่อบุคคลที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ นโยบายนี้จะใช้กับข้อมูลที่บริษัทได้รวบรวมจาก :

• ข้อมูลที่ท่านแจ้งหรือบอกกล่าวแก่บริษัท
• อีเมล์ ข้อความ และข้อความอิเล็กทรอนิกส์อื่นที่ท่านได้สื่อสารกับระบบของบริษัท ตามช่องทางการติดต่อที่ระบุไว้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อความสั้นทางโทรศัพท์ (Short Message Server หรือ SMS)
• ข้อมูลที่ท่านกรอกลงแบบฟอร์มคำขอใช้บริการของบริษัท บริษัทในเครือ บริษัทพันธมิตร ผู้ให้บริการภายนอก และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัท
• ข้อมูลที่รวบรวมจากแหล่งอื่น (ถ้ามี)

บริษัทขอให้ท่านโปรดอ่านนโยบายฉบับนี้อย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจถึงนโยบาย แนวทางและวิธีปฏิบัติของบริษัทเกี่ยวกับข้อมูลของท่าน หากท่านเห็นว่านโยบาย แนวทางและวิธีปฏิบัติของบริษัทไม่ตรงตามความประสงค์ของท่าน สำหรับข้อมูลที่อาศัยฐานการประมวลผลด้วยความยินยอม ท่านสามารถเลือกที่จะไม่ยินยอมให้บริษัทประมวลผลของท่านได้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้ท่านไม่ได้รับสะดวกสบายเท่าที่ควรหรือไม่ได้รับบริการที่ครบถ้วนจากบริษัทได้ อย่างไรก็ดี หากท่านเห็นว่า ท่านได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสมจากนโยบาย แนวทางและวิธีปฏิบัติของเราเกี่ยวกับข้อมูลของท่านและท่านประสงค์จะให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลของท่านแล้ว บริษัทใคร่ขอให้ท่านยืนยันการรับทราบ ยินยอมและยอมรับนโยบายฉบับนี้ โดยการลงนามในเอกสารยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลด้วย

บริษัทใคร่ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า นโยบายความฉบับนี้อาจถูกแก้ไข เปลี่ยนแปลง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ กฎ ระเบียบ ประกาศ หรือกฎหมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (โปรดอ่านหัวข้อ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบาย) ทั้งนี้ บริษัทจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะแจ้งให้ท่านทราบถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว (โดยไม่ถือเป็นหน้าที่ของบริษัท) ในกรณีเช่นว่านั้น บริษัทใคร่ขอให้ท่านโปรดอ่านนโยบายเป็นระยะ ๆ เพื่อให้เข้าใจถึงนโยบาย แนวทางและวิธีปฏิบัติของเราเกี่ยวกับข้อมูลของท่าน ในกรณีที่บริษัทได้แจ้งให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบาย และท่านยังคงเห็นว่า ท่านได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสมจากนโยบายที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น หากเป็นกรณีที่บริษัทจำเป็นต้องขอความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลจากท่านเพิ่มเติม บริษัทใคร่ขอให้ท่านลงนามในเอกสารยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ในกรณีที่ท่านเป็นบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ บริษัทขอเรียนให้ท่านทราบว่า บริษัทจำเป็นต้องขอความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรมของท่าน เช่น บิดา มารดา ผู้ปกครอง เพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถถอนเอกสารยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลาโดยวิธีการและช่องทางที่กำหนดไว้ในหัวข้อที่ 2 ซึ่งการถอนความยินยอมดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินการของบริษัทที่ได้กระทำไปก่อนจะได้รับการแจ้งถอนความยินยอมจากท่าน

2. เกี่ยวกับบริษัท
บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน โพรบิท แอดไวซอรี่ จำกัด จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดตามกฎหมายไทย เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2559 เพื่อประกอบกิจการให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาสำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารทุน โดยได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังภายใต้ความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ให้ประกอบธุรกิจตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2562 โดยมีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ที่ อาคารดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ 999/9 ชั้น 19 ถนนพระราม 1 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

เพื่อการให้บริการคำแนะนำการลงทุนแก่ท่านเป็นการเฉพาะเจาะจง บริษัทจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลและใช้ข้อมูลของท่านในการประมวลผล บริษัทจึงอยู่ในฐานะของผู้ควบคุมข้อมูล ตามคำจำกัดความของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

ท่านสามารถติดต่อบริษัทในฐานะของผู้ควบคุมข้อมูล เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย และแนวทางปฏิบัติของบริษัทในส่วนที่เกี่ยวกับคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือแจ้งความประสงค์หรือร้องขอให้บริษัทดำเนินการใด ๆ ผ่านอีเมล: info@probitco.com

3. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลของท่าน เพื่อนำข้อมูลของท่านไปใช้ตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังนี้

• เพื่อนำเสนอแผนการลงทุนรวมทั้งบริการอื่น ๆ ที่เหมาะสมแก่ท่านตามสัญญาว่าจ้างที่ปรึกษาการลงทุน
• เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับการปรับปรุงแผนการลงทุนของท่านในอนาคต
• เพื่อใช้และเปิดเผยกับบริษัทหลักทรัพย์พันธมิตร (ซึ่งหมายถึงบริษัทที่เข้าทำสัญญาในการประกอบธุรกิจกับบริษัท), ผู้ให้บริการภายนอก และบุคคลอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ผู้เก็บรักษาทรัพย์สิน ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ให้บริการด้านรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยี เพื่อประโยชน์ในประสานงานและดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการให้บริการของบริษัท
• เพื่อรวบรวมฐานข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับบริการของบริษัท
• เพื่อปฏิบัติตามภาระหน้าที่ของบริษัท และบังคับตามสิทธิของบริษัทที่เกิดขึ้นตามสัญญาฉบับใด ๆ ที่ได้ทำกับท่าน รวมถึง การแจ้งยอดหนี้ และการเรียกเก็บเงิน
• เพื่อแจ้งท่านเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อบริษัท สินค้า หรือบริการใด ๆ ที่บริษัทได้นำเสนอ หรือจัดหาให้
• เพื่อทำการตลาด โฆษณาและประชาสัมพันธ์
• เพื่อการปรับปรุงการให้บริการของบริษัทในอนาคต
• เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์อื่นใด ๆ ที่บริษัท และ/หรือที่กฎหมายกำหนด
• ใช้เพื่อวิธีการอื่นตามที่บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบและขอความยินยอมจากท่านเพิ่มเติมต่อไปในอนาคต

4. ข้อมูลที่เก็บรวบรวม การนำไปใช้ และการถ่ายทอดต่อ
ในการให้บริการของบริษัท บริษัทมีความจำเป็นต้องขอให้ท่านกรอกข้อมูลของท่านก่อนเริ่มการใช้ให้บริการ ซึ่งหากท่านไม่ยินยอมให้ข้อมูลแก่บริษัท อาจจะส่งผลให้บริษัทไม่สามารถนำเสนอบริการที่เหมาะสมและตรงตามความต้องการของท่านได้ และในบางครั้ง บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งอื่น ๆ (นอกจากการเก็บข้อมูลจากท่าน) ซึ่งในกรณีดังกล่าวบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบภายใน 30 วันนับแต่วันที่เก็บรวบรวม และในกรณีที่บริษัทจะนำข้อมูลดังกล่าวของท่านไปเปิดเผย บริษัทยินดีจะแจ้งให้ท่านทราบก่อนการนำข้อมูลนั้นไปเปิดเผยเป็นครั้งแรก ซึ่งบริษัทมีแนวทางและวิธีการในการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่าน ดังนี้

4.1 การเก็บรวบรวมข้อมูล บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ดังนี้

• ข้อมูลใดซึ่งทำให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม จะถือเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคล” ที่จะได้รับความคุ้มครองตามนโยบายฉบับนี้ ซึ่งรวมถึง
– ข้อมูลเกี่ยวกับตัวท่าน อันได้แก่ ชื่อ นามสกุล อายุ เพศ สัญชาติ ประวัติส่วนตัว อาชีพ รายได้ แหล่งที่มาของรายได้
– ข้อมูลเกี่ยวกับภูมิลำเนา ถิ่นที่อยู่ สถานที่ติดต่อ
– ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ ที่ทำงาน เบอร์โทรศัพท์ บัญชีผู้ใช้ทางสื่อสังคมออนไลน์ (social media account)
– การระบุตัวตนอื่นใด ๆ ซึ่งท่านอาจได้รับการติดต่อผ่านทางระบบออนไลน์ หรือออฟไลน์ และ/หรือ
– ข้อมูลส่วนตัวของท่านที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วยความยินยอมของท่าน
• ทั้งนี้ ข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวกับท่าน แต่ไม่ได้ระบุถึงตัวตนของท่านเป็นการส่วนตัว ไม่ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่บริษัทต้องการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ข้างต้น บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบและขอความยินยอมจากท่านอีกครั้งหนึ่ง

4.2 วิธีการจัดเก็บข้อมูล บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้
• ด้วยวิธีการสื่อสารกับท่านโดยตรง และท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลผ่านวิธีการสื่อสารนั้น
• ด้วยวิธีการติดต่อกับบุคคลอื่น ๆ เช่น บริษัทหลักทรัพย์พันธมิตร และรวมถึงผู้ได้รับสิทธิจากบริษัทให้ดำเนินการและคู่ค้าทางธุรกิจของบริษัท
ข้อมูลซึ่งบริษัทได้รับในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่เราอาจใช้เทคโนโลยีจัดเก็บฐานข้อมูลแบบอัตโนมัติ (automatic data collection technologies) เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลนั้น ๆ ซึ่งประกอบไปด้วย
• บันทึก และสำเนาการติดต่อสื่อสารระหว่างกันในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึง การติดต่อผ่านอีเมล
• รายละเอียดการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์รวมถึงข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (traffic data) ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง บันทึกข้อมูลเรียงตามลำดับเวลา (logs) และข้อมูลการติดต่อสื่อสารอื่น และแหล่งที่ท่านเข้าถึง และใช้บนเว็บไซต์
• ข้อมูลเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของท่าน รวมถึงที่อยู่บนเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ (IP addresses) ระบบปฏิบัติการ และประเภทของเบราเซอร์ (browser type)

4.3 ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูล
เพื่อประโยชน์ของท่าน บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมทั้งประวัติการแก้ไขเพิ่มเติมข้อมูล ไว้ในฐานข้อมูลของบริษัทตลอดระยะเวลาที่ท่านยังไม่ได้ถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่ไม่เกิน 10 ปีนับแต่วันที่ที่ท่านติดต่อกับบริษัทครั้งสุดท้าย และบริษัทใคร่ขอเรียนว่า หากท่านร้องขอเพื่อใช้สิทธิลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและบริษัทได้อนุมัติคำร้องขอนั้นแล้ว ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจะถูกทำลายไปและบริษัทจะไม่สามารถดำเนินการกู้คืนข้อมูลดังกล่าวได้ ไม่ว่าในกรณีใด

5. การอนุญาตให้ผู้อื่นเข้าถึงข้อมูล
5.1 การใช้ เปิดเผย หรือถ่ายทอดข้อมูล
นอกจากการเก็บรวบรวมข้อมูลข้างต้นแล้ว บริษัทจำเป็นต้องนำข้อมูลของท่านไปใช้ เปิดเผย หรือถ่ายทอดให้แก่บริษัทพันธมิตร ผู้ให้บริการภายนอก คู่ค้าทางธุรกิจ หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับบริษัทไม่ว่าอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ ซึ่งรวมถึง
• หน่วยงานราชการ
• ผู้ได้รับสิทธิจากบริษัทให้ดำเนินการและคู่ค้าทางธุรกิจของบริษัท ปัจจุบันคือ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด
• ผู้รับเหมา ผู้ให้บริการ หรือบุคคลภายนอกอื่น ซึ่งให้การสนับสนุนธุรกิจของบริษัทซึ่งเข้าทำสัญญาการให้และ/หรือรับบริการจากบริษัท ไม่ว่าจะตั้งอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ โดยหน่วยงานดังกล่าวยอมรับที่จะปฏิบัติตามนโยบายนี้
• ผู้ซื้อ หรือผู้สืบสิทธิอื่นในกรณีมีการควบรวม การขายกิจการ การปรับโครงสร้างทั่วไป การปรับโครงสร้างองค์กร การเลิกกิจการ หรือการขาย หรือโอนลักษณะอื่นซึ่งสินทรัพย์เพียงบางส่วน หรือทั้งหมดของเรา ไม่ว่าโดยการดำเนินธุรกิจตามปกติ หรือเป็นส่วนหนึ่งของการล้มละลาย การชำระบัญชี หรือกระบวนการในทำนองเดียวกัน ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทครอบครองอยู่นั้นรวมอยู่ในสินทรัพย์ที่โอนด้วย
• บุคคลใด ๆ เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายของบริษัทตามที่ได้กล่าวไว้ในหัวข้อที่ 3 แล้ว
ในกรณีที่บริษัทต้องการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บุคคลอื่นนอกจากจากที่ระบุไว้ข้างต้น บริษัทจะแจ้งให้ท่านรับทราบและขอความยินยอมจากท่านอีกครั้งหนึ่ง

5.2 การส่ง หรือโอนข้อมูลให้แก่บุคคลในประเทศอื่น
ในบางครั้ง บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่ง หรือโอนข้อมูลของท่านให้แก่บุคคลในประเทศอื่น แต่ทั้งนี้ บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุด ที่จะพิจารณาว่าผู้ที่ได้รับการส่ง หรือรับโอนข้อมูลของท่านจะมีมาตรการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ต่ำไปกว่านโยบายความฉบับนี้ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่บุคคลในประเทศอื่นนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ต่ำไปกว่านโยบายนี้ บริษัทจะแจ้งให้ท่านพิจารณาและขอความยินยอมจากท่านอีกครั้ง และหากท่านเห็นว่ามาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่เพียงพอ ท่านสามารถร้องขอให้บริษัทระงับการส่งหรือโอนข้อมูลของท่านให้แก่บุคคลในประเทศอื่นได้ตามช่องทางที่บริษัทกำหนดไว้ในหัวข้อที่ 2

5.3 การเปิดเผยข้อมูลในกรณีอื่น ๆ
• เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งศาล กฎหมาย หรือกระบวนการทางกฎหมาย รวมถึงเพื่อดำเนินการตามการร้องขอของเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย หรือทางราชการ
• เพื่อบังคับตาม หรือบังคับใช้ ข้อกำหนดการใช้งานของบริษัท และสัญญาฉบับอื่น รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ในการแจ้งยอดหนี้ และการเรียกเก็บเงิน
• หากบริษัทเห็นว่าการเปิดเผยนั้นมีความจำเป็น หรือเหมาะสมเพื่อการปกป้องสิทธิ ทรัพย์สิน หรือเพื่อความปลอดภัยของบริษัท ลูกค้า หรือบุคคลอื่น ซึ่งรวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างบริษัท และองค์กรอื่น เพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกันการฉ้อฉล และลดความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ (Credit risk)
• เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสม เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
• เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
• เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท

6. การคำนึงถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูล
ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล มีสิทธิต่าง ๆ ดังนี้

6.1 สิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ภายในความรับผิดชอบของบริษัท โดยการยื่นคำร้องขอตรวจสอบและเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวิธีการและช่องทางที่บริษัทกำหนดไว้ในหัวข้อที่ 2

6.2 สิทธิขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านสามารถขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของบริษัทได้ ตามวิธีการและช่องทางที่บริษัทกำหนดไว้ในหัวข้อที่ 2

6.3 สิทธิขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม
ในกรณีที่บริษัทได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอื่นตามที่ท่านระบุไว้ในหัวข้อที่ 4 ท่านสามารถร้องขอให้บริษัทเปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้ตามวิธีการและช่องทางที่บริษัทกำหนดไว้ในหัวข้อที่ 2

6.4 สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทตระหนักดีถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนั้น ท่านสามารถคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตลอดเวลา เว้นแต่บริษัทจะมีสิทธิโดยชอบตามกฎหมายที่จะปฏิเสธการคำคัดค้านของท่าน

6.5 สิทธิในการลบ หรือขอให้ทำลาย หรือระงับการใช้ชั่วคราว หรือแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลที่ไม่ระบุชื่อ
เว้นแต่ บริษัทจะมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นการเฉพาะหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ท่านสามารถร้องขอให้บริษัทลบข้อมูลของท่านออกจากระบบของบริษัทได้ รวมถึงการร้องขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นการชั่วคราว
หากบริษัทไม่ปฏิบัติตามนโยบาย หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ท่านสามารถขอให้บริษัททำลาย หรือระงับใช้ชั่วคราว หรือแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลที่ไม่ระบุชื่อได้ เว้นแต่ กฎหมายจะกำหนดให้บริษัทยังคงมีหน้าที่ต้องเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไป

6.6 สิทธิขอให้ทำข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่เป็นปัจจุบัน ไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อบุคคลภายนอกได้ ท่านสามารถร้องขอให้บริษัทปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์และไม่ก่อให้เกิดความเข้าผิดได้ตามวิธีและช่องทางที่บริษัทกำหนดไว้ในหัวข้อที่ 2

6.7 สิทธิร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในกรณีที่บริษัทเป็นผู้ควบคุมข้อมูลตามนิยามในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากบริษัทไม่ปฏิบัติตามการร้องขอหรือการใช้สิทธิของท่าน ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลย่อมมีสิทธิร้องเรียนบริษัทต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีหน้าที่รับผิดชอบได้

ทั้งนี้ บริษัทขอเรียนชี้แจงว่าการใช้สิทธิของท่านตามที่ปรากฎในหัวข้อ 6 นี้จะต้องไม่เป็นก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น หากเป็นกรณีดังกล่าว หรือเป็นกรณีที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล บริษัทขอสงวนสิทธิที่จะไม่ดำเนินการตามคำขอของท่าน

7. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงของนโยบาย

บริษัทสงวนสิทธิในการแก้ไข เปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ (รวมถึงฉบับแก้ไข) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ กฎ ระเบียบ ประกาศ หรือกฎหมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทจะประกาศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ของนโยบายนี้ในหน้าเว็บไซต์ หากมีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ ถึงวิธีการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทจะแจ้งเตือนบนหน้าหลักของเว็บไซต์ ทั้งนี้ วันที่นโยบายความเป็นส่วนตัวได้รับการปรับปรุงครั้งล่าสุดนั้น จะถูกระบุไว้ในตอนท้ายของเอกสารฉบับนี้ บริษัทขอย้ำเตือนว่า เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง ท่านจะต้องติดตามเว็บไซต์เป็นประจำ เพื่อให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงเรื่องนโยบาย (ถ้ามี) และถือเป็นหน้าที่ของท่าน ที่จะต้องทำให้แน่ใจว่า อีเมล์ที่แจ้งไว้แก่บริษัทเป็นปัจจุบัน และสามารถใช้งานรับส่งข้อความได้เป็นปกติ

นโยบายนี้ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ พฤษภาคม 2563